วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2562

No.17


Thursday 28 November 2019
Time 13:30 - 17:30 o'clock

วันนี้เป็นการนำเสนองานต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว เป็นการเรียนการสอนครั้งสุดท้ายของภาคเรียนนี้






ประเมินอาจารย์
อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายสุภาพ มีคำแนะนำทีดี
ประเมินเพื่อน
ตั้งใจพรีงานของตนเองมาก
ประเมินตนเอง
ตั้งใจฟังและให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม





No.16


Monday 25 November 2019
Time 13:30 - 17:30 o'clock

วันนี้สอนประสบการณ์เรื่องสีแต่ยังไม่ผ่าน จึงนั่งฟังและให้ความร่วมมือช่วยเป็นเด็กให้เพื่อน





ประเมินอาจารย์
ให้คำแนะนำอย่างดี
ประเมินเพื่อน
ตั้งใจนำเสนองานดี
ประเมินตนเอง
ยังเตรียมมาไม่ดีพอ









No.15


Monday 18 November 2019
Time 13:30 - 17:30 o'clock

Executive Functions (EF)
คือ กระบวนการทำงานของสมองส่วนหน้า ซึ่งมีความสำคัญในการควบคุมอารมณ์ ความคิด
การวางแผนและการแก้ไขปัญหา ซึ่งลูกจะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ จากความจำมาสู่การก
ระทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้ดีขึ้น ช่วงวัยที่เหมาะสมจะพัฒนา EF คือ ช่วง 3 - 6 ปี
เพราะหากเป็นช่วงวัยเรียน วัยรุ่น หรือวัยผู้ใหญ่ก็พัฒนาได้ แต่จะได้ไม่มากเท่ากับเด็กปฐมวัย
Executive Functions (EF)
ประกอบด้วย 9 ทักษะ ได้แก่
1. ทักษะความจำที่นำมาใช้งาน (Working Memory)กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
ㆍ การให้ลูกดื่มนมแม่ในช่วง 6 เดือน
. ไห้ลูกทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ
. แสดงความรักด้วยการกอด หอม พูดคุยกับลูกบ่อยๆ เพื่อให้ลูกรู้สึกอบอุ่น
ㆍเล่านิทาน อ่านหนังสือกับลูก
. ไห้ลูกเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า เพื่อให้จดจำได้ดีขึ้น
2. ทักษะการยังคิด (Inhibitory Control)
คือ การควบคุมอารมณ์ตนเอง รู้ว่าสิ่งใดควรทำ - ไม่ควรทำ เช่น ไม่นำของเพื่อนมาเป็นของ
ตนเอง เป็นต้นกิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
ㆍ ของเล่นเสริมพัฒนาการที่ต้องใช้สมาธิ ใช้สมองในการวางแผน และคิดแก้ไขปัญหา
. ส่งเสริมด้านดนตรี
ㆍ พูดคุยกับลูกบ่อยๆ หากลูกมีความกังวลใจ ให้ลูกเล่าออกมาอย่าเก็บไว้ เพื่อช่วยระบายความรู้สึก
ㆍ.สอนให้ลูกรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง เช่น เวลารู้สึกโมโห ให้นับตัวเลข 1-10 หรือหายใจ
เข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ จนรู้สึกดีขึ้น ไม่หงุดหงิดโวยวาย หรือไปทำร้ายคนอื่น
3. ทักษะการยืดหยุ่นความคิด (Shift Cognitive Flexibility)
คือ ทักษะที่ช่วยให้ลูกรู้จักปรับตัว ยืดหยุ่น และรู้จักแก้ไขปัญหาได้ตามแต่ละสถานการณ์
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
. กิจกรรมด้านศิลปะ เช่น การวาดรูป ระบายสี การปั้น การพับ ตัด ปะ
ㆍ ฝึกให้ลูกทำของเล่นจากวัสดุเหลือใช้
ㆍ การต่อบล็อกเป็นรูปทรงต่าง ๆ
4. ทักษะการใส่ใจจดจ่อ (Focus)
เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการที่ลูกมีสมาธิ ไม่วอกแวก จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้ดีกิจกรรมที่ควรส่งเสริม
ได้แก่ :
. การอ่านหนังสือ
ㆍการฟังเพลง วาดรูป ระบายสี
ㆍการเรียนรู้ผ่านการเล่น
. การต่อจิ๊กซอว์ / ต่อบล็อกรูปทรงต่างๆ
. การสวดมนต์ ไหว้พระก่อนนอน
5.การควบคุมอารมณ์(Emotion Control)
ช่วยให้ลูกรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดี ไม่โมโห หงุดหงิดง่ายกิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
. การอ่านนิทานที่เกี่ยวกับลักษณะนิสัยที่ดี
. ไห้ลูกได้เล่นร่วมกับผู้อื่น เพื่อรู้จักการแบ่งปัน อดทนรอคอย ไม่แชงคิว
. ไห้ลูกช่วยงานบ้าน และช่วยเลือกเสื้อผ้าที่ไม่ใช้บริจาคสิ่งของไปให้เด็กคนอื่นๆ ที่ขาดแคลน
6. การวางแผนและการจัดการ (Planning and Organizing)
เป็นการฝึกให้ลูกรู้จักตั้งเป้าหมายและคิดวางแผนด้วยตนเองกิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
ㆍสอนให้ลูกเรียนรู้เรื่องเวลา
ㆍ สอนให้ลูกรู้จักตั้งเป้าหมายง่าย ๆ เช่น เก็บออมเงินเพื่อซื้อของที่อยากได้ด้วยตนเอง
. ไห้ลูกรับผิดชอบงานในบ้าน โดยให้เขาเลือกเองก็ได้ ลูกจะได้ทำอย่างมีความสุข
7. การประเมินตนเอง (Self-Monitoring)
สอนให้ลูกรู้จักประเมินตนเอง และแก้ไขปรับปรุง ข้อนี้จะสอนต่อจากเรื่องการวางแผนก็ได้ โดย
ทำเป็นตารางงานบ้านให้ลูกไว้ งานชิ้นไหนที่ทำแล้วก็ให้ใส่เครื่องหมายถูก ถ้างานชิ้นไหนยังไม่
ได้ทำ ก็ลองถามเขาว่างานชิ้นนี้เขายังไม่ทำเพราะเหตุใด เช่น เป้าหมายนั้นยากไป จะได้ช่วย
8. การริเริ่มและลงมือทำ (Initiating)
เป็นการฝึกให้ลูกกล้าคิด กล้าทำอะไรใหม่ๆกิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
ㆍ เปิดโอกาสให้ลูกแสดงความคิดเห็น และเลือกทำในสิ่งที่ตนเองสนใจ
ㆍ เมื่อลูกวาดรูประบายสี ลองให้เขาเล่าผลงานของเขาว่าสิ่งๆ นั้นคืออะไร เขาจะเล่าด้วยความภูมิใจ
. พาลูกไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆ บ้าง เพื่อให้มีสังคม และได้แสดงความคิดเห็นของตนเอง
9. มีความเพียรมุ่งสู่เป้าหมาย (Goal-Directed Persistence)
ช่วยให้ลูกไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคงยๆ จะตั้งใจทำจนกว่าจะสำเร็จกิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
. กิจกรรมด้านดนตรี กีฬ และศิลปะ
. การต่อจิ๊กซอว์ ต่อบล็อก ของเล่นไม้ เกมตึกถล่ม
ㆍ หมากฮอส หมากรุก
แนวการสอนแบบไฮสโคป (High/Scope)
แนวคิดพื้นฐาน
การสอนแบบไฮ/สโคป มีพื้นฐานแนวคิดมาจากทฤษฎีของเพียเจท์ (Piage' s
Theory) ว่าด้วยพัฒนาทางสติปัญญา ที่เน้นการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติที่เด็กสามารถสร้าง
ความรู้ได้เองโดยใช้กระบวนการสร้างสรรค์การเรียนรู้ (Constructive process of
learning) เด็กจะเรียนรู้จากการกระทำของตน การประเมินผลงานอย่างมีแบบแผน ช่วยให้
เด็กเกิดความรู้ขึ้น เด็กสามารถสร้างความรู้ได้จากประสบการณ์ที่มีความหมาย ซึ่งจากแนวคิด
นี้ ในการเรียนเด็กสามารถลือกเรียนเลือกปฏิบัติจัดกระทำดำเนินการเรียนรู้และประเมินผลงาน
ของตนเอง เด็กจะได้รับการกระตุ้นจากครูให้คิดนำอุปกรณ์มากระทำหรือเล่นด้วยการวางแผน
การทำงาน แล้วดำเนินตามแผนไว้ตามลำดับพร้อมแก้ปัญหาและทบทวนงานที่ทำด้วยการทำงาน
ร่วมกันกับเพื่อนเป็นกลุ่มเล็กๆ โดยมีครูคอยให้กำลังใจ ถามคำถาม สนับสนุน และเพิ่มเติม
สิ่งที่เด็กต้องเรียนรู้
แนวคิดสำคัญ
แนวการสอนแบบไฮ/สโคปเน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย
ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับการพัฒนาการของเด็กและการแก้ปัญหาอย่างกระตือรือรันการ
เรียนการสอนการเรียนการสอนแบบไฮ/สโคป เป็นการสร้างองค์ความรู้จากการที่เด็กได้ลงมือจัด
กระทำกับอุปกรณ์ หรือสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นประสบการณ์ตรง โดยที่ครูจะเป็นคนเตรียม
อุปกรณ์ให้กับเด็กและกระตุ้นให้เด็กพัฒนาและดำเนินกิจกรรม โดยใช้หลักปฏิบัติ 3 ประการ
คือ
- การวางแผน ( Plan ) เป็นการกำหนดแนวทางการปฏิบัติหรือดำเนินงานตามที่ได้รับมอบ
หมาย มีการสนทนาระหว่างครับเด็ก ว่าจะทำอะไร อย่างไร การวางแผนกิจกรรมอาจจะใช้
แสดงด้วยภาพหรือสัญลักษณ์ประจำตัวเด็ก เป็นกระบวนการที่เด็กมีโอกาสเลือก และตัดสินใจ
- การปฏิบัติ ( D๐ ) คือการลงมือกระทำตามแผนที่วางไว้ เป็นส่วนที่เด็กได้ร่วมกันคิด แก
ปัญหา ตัดสินใจและทำด้วยตนเอง เป็นส่วนที่เด็กได้มีการพัฒนาการพูดและปฏิสัมพัธ์ทาง
สังคมสูง
- การทบทวน ( Review ) เป็นช่วงที่ได้งานตามจุดประสงค์ ช่วงนี้จะมีการอภิปรายและ
เล่าถึงผลงานที่เด็กทำเพื่อทบทวนว่า เด็กสามารถปฏิบัติตามแผนที่วางไว้หรือไม่ มีการ
เปลี่ยนแปลงแผนอย่างไร และชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างแผนกับการปฏิบัติ และผลงานที่
ทำ รวมถึงการเล่าประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับ

ประเมินอาจารย์
สอนดีอธิบายได้ชัดเจนสอดแทรกการเล่นในการเรียน
ประเมินเพื่อน
ตั้งใจฟัง ให้ความร่วมมือในชั้นเรียน
ประเมินตนเอง
ตั้งใจเรียน ร่วมกิจกรรมที่อาจารย์เตรียมมา


No.14
Monday 11 November 2019
Time 13:30 - 17:30 o'clock

วันนี้มีการปรับเปลี่ยนจัดสภาพแวดล้อมในชั้นเรียนใหม่ เพื่อให้เกิดการน่าเรียนมากยิ่งขึ้น



ประเมินอาจารย์
แต่งกายสุภาพเรียบร้อย แนะนำการจัดวางสิ่งของ
ประเมินเพื่อน
เพื่อนให้ความร่วมมือช่วยกันทำความสะอาดในการจัดวางของ
ประเมินตนเอง
มีส่วนร่วมในการช่วยเพื่อนๆและอาจารย์ในการยกของจัดเตรียมสถานที่





No.13




Monday 4 November 2019
Time 13:30 - 17:30 o'clock

วันนี้งดคลาส เนื่องจาก คณะรัฐมนตรีจะมีการประชุมสุดยอดอาเซียนเพื่อลดปัญหาการจราจรและอำนวยความสะดวก
จึงสั่งหยุด วันที่ 4 และ 5 พฤศจิกายน 2562



No.12

Monday 28 october 2019
Time 13:30 - 17:30 o'clock

อาจารย์ประจำสาขาการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม 
ผู้ช่วยศาสตรจารย์กรรณิการ์ สุสม
ความรู้เกี่ยวกับหัวข้อเรื่อง สารนิทัศน์
สารนิทัศน์ มาจากคำว่า "สาระ" หมายถึง ส่วนสำคัญ ถ้อยคำ มาผสมกับคำว่า
"นิทัศน์" หมายถึงตัวอย่างที่นำมาแสดงให้เห็นดังนั้น "สารนิทัศน์"จึงมีความหมายว่า ส่วน
สำคัญที่นำมาเป็นตัวอย่างแสดงให้ผู้อื่นเห็น ในทางการศึกษาปฐมวัยมีคณาจารย์นำสารนิทัศน์มา
ใช้อย่างหลากหลาย
โดยสารนิทัศน์ให้ประโยชน์ต่อการแสดงภาพของเด็กโดยกระบวนการด้านเอกสารข้อมูล
อย่างชัดเจน ดังนั้นการจัดทำสารนิทัศน์ จึงหมายถึง การจัดทำข้อมูลที่เป็นหลักฐานหรือแสดง
ให้เห็นร่องรอยของการเจริญเติบโตพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจากการทำกิจกรรม
ทั้งรายบุคคลและรายกลุ่มซึ่งหลักฐานและข้อมูลดังกล่าวที่มันทึกเป็นระยะๆจะเป็นข้อมูลอธิบาย
ภาพเด็ก ที่บ่งบอกถึงพัฒนาการข้องเด็กได้ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคมสติปัญญา และแม้แต่
สุขภาพ





ประเมินอาจารย์
วิทยากรเป็นผู้ที่มีความรู้สูงการอธิบายค่อนข้างแจ้ง
ประเมินเพื่อน
ให้ความร่วมมือในการฟังการตอบคำถาม
ประเมินตนเอง
ตั้งใจฟังพร้้อมจดบันทึกให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม



No.11


Monday 21 october 2019
Time 13:30 - 17:30 o'clock

วันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มและกระดาษที่ได้ไปให้ช่วยกันวาดรูปออกมาเป็นแม่น้ำให้เพื่อนทายว่าในภาพคือแม่น้ำอะไร




ประเมินอาจารย์
มีการสอนรูปแบบใหม่ๆ มีการอธิบายได้อย่างดี
ประเมินเพื่อน
เพื่อนตั้งใจทำผลงานออกมาได้ดี
ประเมินตนเอง
ตั้งใจทำงานที่ได้รับ มีความคิดเห็น